นางสาวชินชนก แก้วโพธิ์ หรือ ฟิล์ม นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จบการศึกษาสายศิลป์ภาษาอังกฤษ-ภาษาเกาหลี จากโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ กรุงเทพมหานคร และตัดสินใจเลือกศึกษาต่อด้านภาษา เพราะต้องการต่อยอดภาษาและวิชาชีพที่ตนอยากทำ
“ฟิล์ม อยากเรียนด้านภาษาต่อยอดจากที่เคยเรียนมา ในชีวิตประจำวันเราใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ยิ่งในด้านการทำงาน การประกอบอาชีพ ภาษาน่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันเราให้ไปสู่โลกกว้างได้มากขึ้น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเกาหลี สามภาษานี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาษาที่ฟิล์มศึกษา และคิดว่าจะนำไปต่อยอดใช้งาน หากถามว่าเรียนจบไปแล้วอยากทำอาชีพอะไร ตอนนี้ที่แพลนเอาไว้ฟิล์มอยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ และก็อยากทำธุรกิจส่วนตัวด้วย และที่แน่นอนไปกว่านั้น ภาษาเมื่อเรียนไปแล้ว อย่างน้อยก็จะติดตัวเราไป แต่หากอยากให้ภาษาที่ติดตัวไปนั้น ยังมีคุณภาพพร้อมสำหรับการใช้งาน เราก็จะต้องฝึกฝนอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เมื่อเราปักหลัก มีจุดมุ่งหมายเรียบร้อย ทีนี้ก็เลือกสถานที่เรียน ปัจจุบันนี้มีการรีวิวมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยมากมาย ปัจจัยและเหตุผลที่เราจะนำมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ จึงต้องเลือกที่เหมาะกับตัวเราเองมากที่สุด มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียง และเปิดการเรียนการสอนในหลากหลายภาษา ที่แน่ๆ มีทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาเกาหลี สังกัดอยู่ในวิทยาลัยศิลปศาสตร์ อีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจนั่นก็คือ ที่นี่มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย และหน่วยงานจากต่างประเทศมากมาย เราสามารถที่จะแพลนเรื่องการไปฝึกงาน หรือเดินทางไปแลกเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ ยังมีทุนการศึกษา อีกทั้งบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัย ที่หลายๆ คนรู้สึกตรงกันนั่นก็คือ ที่นี่เหมือนบ้าน อาจารย์ให้ความเป็นกันเอง เอ็นดู และรักนักศึกษาอย่างจริงใจ เพื่อนๆ ก็มีหลากหลายด้วยค่ะ”
สำหรับความประทับใจแรกของฟิล์ม ไม่เพียงเรื่องสภาพแวดล้อม สภาพสังคม แต่โอกาสมากมายที่นักศึกษาสามารถเลือกเป็นประสบการณ์ระหว่างเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย มีนับไม่ถ้วน เพราะกิจกรรมค่อนข้างเยอะค่ะ ฟิล์มเองในฐานะที่เป็นนักศึกษาทุนศิลปวัฒนธรรม จะมีกิจกรรมที่น่าตื้นเต้น และหลากหลาย ที่พร้อมเป็นชั่วโมงบินที่ดีให้กับตัวเราเองมากมาย
“กิจกรรมในฐานะนักศึกษาทุนศิลปวัฒนธรรม งานแรกเลยคือต้องร่วมแสดงในพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ทำให้เราต้องฝึกซ้อม ต้องไปที่งานทุนบ่อยครั้ง ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งสังคมที่รักเลยค่ะ อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานทุนน่ารัก เข้าร่วมกิจกรรมตอนแรกๆ ก็มีเพื่อนและรุ่นพี่มากมายเลยค่ะ เอาจริงค่อนข้างกังวลด้วยบุคลิกของฟิล์มเอง ไม่ค่อยเข้าหาคนอื่น เรารู้สึกเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำความรู้จักอย่างไร แต่บรรยากาศตรงนั้น มันไม่มีความกดดัน อาจด้วยเพราะเป็นพื้นที่ที่รวมความชอบ รวมคนที่มีมุมมองเดียวกัน พวกเราสนุกกับการทำกิจกรรม ความสัมพันธ์ของการได้ร่วมงานกัน ได้ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหา ก็ทำให้ผูกพัน และนึกถึงกัน เป็นกลุ่มเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน อืม ถามว่าเด็กทุนศิลปวัฒนธรรม และพัฒนาสังคม พวกเราทำอะไรกันบ้าง กิจกรรมที่พวกเราต้องสนับสนุนค่อนข้างเยอะเลยค่ะ การแสดงเปิดงาน ทั้งแบบพิธีการ หรืองานไม่เป็นทางการ ร้องเล่นเต้นรำ พิธีกร เดินแบบ พวกเราจะร่วมกันคิดตามโจทย์ต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย เมื่อเวลาเรียน พวกเราตั้งใจเรียน เมื่อเลิกเรียน เมื่อมีกิจกรรมที่ต้องทำ ก็รวมตัวกัน ทั้งคิดงาน ทั้งชวนกันเที่ยว ชวนกันกิน หลากหลายอารมณ์มากค่ะ ประสบการณ์แบบนี้ถ้าไม่ใช่นักกิจกรรม ฟิล์มก็มองว่าอาจจะมีความสนุก ความท้าทายที่แตกต่างไป ท้ายที่สุดนี้ หากใครได้อ่านบทสัมภาษณ์ของฟิล์ม อยากให้เราค่อยๆ ตัดสินใจ ฟิล์มเองเวลาจะตัดสินใจเรื่องใดก็ตาม จะถามตอบตัวเองก่อน ถ้าเราทำแล้วมีความสุข ก็คิดสะว่าเรามาถูกทาง แม้ไม่รู้ที่ตัดสินใจจะถูกหรือผิด จะใช่หรือไม่ ตัวเราเองจะแสดงศักยภาพออกมา ถ้าชอบ ถ้าสนุก ถ้ามีความสุข เท่ากับเราเจอตัวเองแล้วค่ะ”
#สำนักข่าวการศึกษาไทย