อีกหนึ่งผลผลิตคุณภาพของวิทยาลัยศิลปศาสตร์ ประธานสโมสรนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2561 ที่ทั้งเรียนเก่งและเด่นเรื่องกิจกรรม กิจกรรมเยอะขนาดนี้ เขายังสามารถจบด้วยเกียรตินิยมอันดับที่ 2 ซึ่งมันไม่ง่ายเลย เขามีเทคนิคอย่างไรให้กลายเป็นผลผลิตคุณภาพที่ใครๆ ก็ต้องรักและชื่นชม เรามาทำความรู้จักเขากันได้เลย นายศักดิ์พล อุดมสินประเสริฐ (ฟร้อง) ปัจจุบันเป็นคุณครูสอนภาษาญี่ปุ่น และเป็น ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ตัดสินใจเลือกศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยเหตุผลเพราะว่าอยากยื่นขอทุนนักกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยรังสิต
“ผมเคยเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่นตอนที่เรียน ม.ปลายครับ คุณครูที่สอนเป็นพี่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิตครับ พี่เขาแนะนำหลายเรื่องเลยครับ รวมถึงเรื่องการยื่นขอทุนด้วยครับ ความประทับใจแรกที่เริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยรังสิต สำหรับผมไม่เพียงสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่แล้ว สังคมก็น่ารักมากครับ ผมเองได้เจอกับอาจารย์ที่ใจดี และเพื่อนๆ ที่มีไลฟ์สไตล์และชื่นชอบในภาษาญี่ปุ่นเหมือนๆ กันกับผมครับ การเรียนภาษาต้องมุ่งมั่นและตั้งใจครับ แม้ว่าผมจะเรียนมาตั้งแต่มัธยมก็ตาม เมื่อมาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังต้องพยายามอย่างมากเหมือนเดิมครับ สิ่งที่เรียนรู้ เนื้อหา และเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นมีให้ศึกษาอีกมากมายเลยครับ สำหรับฟร้อง การได้ไปเรียน หรือใช้ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นความฝันเลยครับ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ตั้งใจเรียนภาษา เมื่อมีโอกาสครั้งหนึ่งได้ไปเรียนที่นั่น จึงทำให้ยิ่งหลงใหลความเป็นญี่ปุ่นมากๆ ครับ ทั้งภาษา และวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่น มองในมุมของฟร้อง เขาดีไปหมดเลยครับ ทำให้อยากอยู่ที่นั่นตลอดไป ถ้าทำได้ครับ แต่ก็ยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับเอกสาร ธุรกรรมที่อยู่ประเทศไทยง่ายและสะดวกกว่าครับ จากนั้น เมื่อกลับมาประเทศไทย ฟร้องก็มองหาหลักสูตร มองหาทุน ที่สามารถได้กลับไปเรียนที่ญี่ปุนอีกครับ แล้วก็สอบชิงทุนเพื่อจะไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้ แต่ด้วยเศรษฐกิจในช่วงนั้นทำให้ตัดสินใจไม่ไปครับ และคิดว่าอาจจะเก็บเงินไปเรื่อยๆ ให้มากพอ เพื่อจะเดินทางไปเรียน ไปเที่ยวเองครับ สำหรับที่เอกญี่ปุ่น ม.รังสิต ระหว่างที่เรียนที่เอกญี่ปุ่น ฟร้องได้รู้จักกับรุ่นพี่ ได้เห็นเขาทั้งเรียน และทำกิจกรรมกัน จึงได้เข้าไปร่วมด้วยครับ ในฐานะรุ่นน้องที่เข้าทำกิจกรรมก็จะได้เห็นว่ารุ่นพี่เขาทำอะไรกันบ้าง ฟร้องขอเรียกว่าเป็นหน้าที่นะครับ แต่ละชั้นปีที่มารวมตัวกันทำกิจกรรมของคณะจะรับผิดชอบในส่วนที่แตกต่างกัน พวกเราจะเป็นชิ้นส่วนฟันเฟืองที่เดินหน้าทำกิจกรรมไปพร้อมๆ กัน เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 ก็ได้รับโอกาสจากทางอาจารย์ พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกสโมสรนักศึกษา ประสบการณ์มากมายจากการได้ทำกิจกรรมตรงนี้ ทำให้ผมได้เติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองก็ยังค้นหาอยู่ครับ คอนเนคชั่นจากเพื่อนๆ พี่ๆ คณะอื่นๆ การได้รู้จักวิธีการทำงานร่วมกับคนมากมาย และยังได้เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ว่าหากเราจะต้องจัดกิจกรรมสักหนึ่งอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบต้องทำอะไรบ้าง เป็นต้น ประสบการณ์ของการได้เป็นประธานสโมสรนักศึกษา (นายกสโม) สอนให้ฟร้องได้รู้จักตัวเอง การจะอยู่ในสังคม ทำงานร่วมกับคนมากมาย การรับฟัง การตัดสินใจ เป็นเรื่องสำคัญ เป็นประธาน เป็นนายก ก็ยิ่งต้องฟังคนรอบข้างให้มากๆ งานจะเดินไปได้ดี ทุกฟันเฟืองก็ต้องขยับไปพร้อมกัน และไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน จึงต้องมองมุมต่างให้มากๆ ครับ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัย ผมประทับใจกับทุกๆ เรื่องเลยครับ อธิบายเป็นคำพูดได้มากมาย เหมือนเราได้เรียนรู้ ได้ปฏิบัติหน้าที่ของเราด้วย และได้ใช้ชีวิตไปด้วยครับ ด้านการเรียน ฟร้องเชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมาย และมีคาแรกเตอร์ของตัวเองอยู่ครับ ว่าเราจะเรียนหนังสือแบบไหน บริหารจัดการชีวิตการเรียนอย่างไร ตัวฟร้องเองก็จะกอบโกย และตั้งใจเรียนตอนอยู่ในคาบวิชาให้มากที่สุด เพราะเด็กกิจกรรมจะมีเวลาได้อ่านหนังสือ ได้ทบทวนไม่มากเท่าคนที่เรียนอย่างเดียวครับจึงต้องตั้งใจในคาบเรียนเป็นพิเศษ และเมื่อมีเวลาว่างก็มีทบทวนบทเรียนบ้าง มีไปทำกิจกรรมคลายเครียดบ้าง เพื่อไม่ให้ชีวิตประจำของเราตึงเครียดเกินไป ทั้งหมดที่ร่ำเรียนมา ประสบการณ์จากทั้งในและนอกห้องเรียน ฟร้องได้นำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ทำปัจจุบัน อาชีพครูเรามีเพื่อนร่วมงานค่อนข้างเยอะ เพียงคุณครูด้วยกัน นักเรียนก็นับเป็นเพื่อนร่วมงานของผมด้วยครับ ก็ต้องเข้าให้ได้กับทุกคน”
หลายคนอาจมองว่าการเรียนภาษาเป็นเรื่องที่ยากอีกเรื่องหนึ่งสำหรับชีวิต หากเลือกได้คงไม่เรียนดีกว่า ผมว่าก็สามารถมองได้หลายมุมครับ วลีของการดำเนินชีวิตที่พวกเราอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ที่บอกว่า หากเราชอบสิ่งใด เราจะรู้สึกสนุกและทำมันได้ ผมว่าวลีนี้ใช้ได้กับผมเช่นกันครับ
“ภาษา จะบอกว่ามันไม่ยากก็อาจจะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะมันมีทั้งส่วนที่ยาก และส่วนที่รู้สึกว่ามันง่าย ดังนั้น น้องๆ นักเรียนคนไหนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ และกำลังจะต้องตัดสินใจแล้ว ถามและตอบตัวเองแบบง่ายๆ ไปก่อนได้ครับ อย่างน้อยได้เอาตัวเองลงไปลองนั่งเรียน ทำความรู้จักกับภาษานั้นๆ ในเบื้องต้นก่อนได้ ยิ่งสมัยนี้โลกของอินเทอร์เน็ตเปิดกว้างมากครับ อยากเรียนภาษาไหน เครื่องมือช่วยสอนเพียบ สิ่งสำคัญที่ฟร้องอยากสื่อสารคือ เมื่อเราผ่านจุดเริ่มต้นไปได้ เราก็จะคล่องตัวมากขึ้น และมองเห็นเป้าหมายมากขึ้น เพราะอย่างไรก็ตามภาษาสามารถนำไปประกอบอาชีพได้หลากหลาย ผู้ใดที่รู้ภาษาเยอะ ผู้นั้นไม่อดตายครับ”
#สำนักข่าวการศึกษาไทย