“ตอนที่ผมใกล้เรียนจบผมก็เริ่มมองเห็นตัวเองว่าอายุรแพทย์โรคหัวใจคือ สิ่งที่ผมน่าจะทำได้ดี และเมื่อเรียนจบอายุรแพทย์เรียบร้อยแล้วก็พบว่า ถ้าเราอยู่ในโรงพยาบาลราชวิถีเราก็จะสามารถช่วยคนไข้ที่มารักษาต่อปีเป็นจำนวนกว่าหมื่นคนได้มากขึ้น” ถ้อยคำนี้เป็นความตั้งใจของนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง สู่การเป็นอาจารย์แพทย์ในวันนี้ “หมอเคย์” หรือ นายแพทย์เคย์ เผ่าภูรี ศิษย์เก่าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รุ่นที่ 20 และในปัจจุบันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่แผนกโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลราชวิถี
ย้อนไปในวัยเรียน ในขณะนั้นมีการสอบเข้าแพทย์หลายระบบ ซึ่งตอนแรกหมอเคย์ ได้ยื่นสอบในระบบ กสพท. “ตอนนั้นเราพลาดคะแนนไปในระบบมหาวิทยาลัยปกติ ซึ่งผมเพิ่งทราบว่าที่ม.รังสิต มีคณะแพทยศาสตร์ด้วย จึงไปศึกษาหาข้อมูล ประกอบกับตอนนั้นมีการประกาศรับทุนในพระนามสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในช่วงนั้นพอดี ผมก็เลยมีโอกาสยื่นสมัครแพทย์ของม.รังสิต รวมถึงยื่นเพื่อขอรับทุนพระราชทานดังกล่าว”
เมื่อพูดถึงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หมอเคย์ เล่าว่า ช่วงที่เรียนเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมากๆ มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ เป็นม.เอกชนก็จริงแต่สิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนมีครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกายวิภาคศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือทางด้านสรีระวิทยาต่างๆ บรรยากาศตอนที่ผมเรียนเป็นการเรียนที่ค่อนข้างอบอุ่น กับอาจารย์จากหลากหลายแผนก ทำให้เรารู้สึกว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่ม.รังสิต มีความสุข โดยใช้ชีวิตอยู่ที่มหาวิทยาลัยรวมๆ แล้ว 3 ปีครึ่งเลยทีเดียว
“ตอนเรียนปี 1 ผมถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ตอนนั้นมีโครงการที่ชื่อว่า “สมาร์ททีม” ซึ่งเปรียบเสมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแต่ละคณะ โดยการเป็นตัวแทนวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ไปเป็นหนึ่งในสมาร์ททีมของมหาวิทยาลัย ผมได้มีโอกาสทำงานด้านการประชาสัมพันธ์กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ท้าทายและสนุก ได้ประสบการณ์การทำงาน รวมถึงได้มีโอกาสแชร์วิธีการสอบ วิธีการเข้าเรียนแพทย์ ให้แก่น้องๆ มัธยมด้วยครับ”
หมอเคย์ เล่าต่อว่า หลังจากสำเร็จการศึกษาผมไปเป็นแพทย์ใช้ทุนทำงานอยู่ที่ รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่ 3 ปี หลังจากนั้นจึงได้เข้ามาศึกษาต่อเป็นแพทย์อายุรศาสตร์ทั่วไปที่ รพ.ราชวิถี อีก 3 ปี จากนั้นศึกษาต่อเป็นแพทย์อายุรศาสตร์โรคหัวใจ ที่รพ.ราชวิถี อีก 2 ปี และปัจจุบันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่แผนกโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.ราชวิถี ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อทางด้านหัตถการปฏิบัติการหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งจะจบการศึกษาในปีที่จะถึงนี้
จากนศ.แพทย์ สู่การเป็นอาจารย์แพทย์ หมอเคย์ มองว่า เราก็เดินทางเติบโตทั้งทางด้านร่างกายจิตใจ และความคิด สมัยเราเป็นนักศึกษาก็มีความคิดที่เป็นเด็ก ยังมีความฝันในแบบเด็ก ไม่มีจุดหมายอะไรที่ชัดเจน แต่พอเราเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เรามองภาพตัวเองออกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเราจะใช้ความรู้ความสามารถในการดูแลคนไข้ที่บริเวณตรงไหนได้
“ปัจจุบันผมจึงเลือกที่จะเป็นแพทย์อยู่ที่รพ.ราชวิถี รวมไปถึงตอนที่ผมได้รับโอกาสได้เรียนแพทย์จาก ว.แพทย์ ม.รังสิต ด้วยการได้รับทุนพระราชทานฯ ผมตั้งคำมั่นสัญญากับตัวเองว่า เมื่อผมเรียนจบแล้วผมก็พร้อมที่จะเป็นอาจารย์ช่วยเหลือดูแลคนไข้ รวมไปถึงสอนนักศึกษาที่มาจากมหาวิทยาลัยรังสิต คือสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต นั่นเองครับ”
สำหรับไลฟ์สไตล์ของหมอเคย์ “ก็เหมือนทั่วๆ ไปเลยครับ ผมเป็นหมอที่พอนอกเวลาราชการก็ชอบทำอะไรแบบปกติที่คนทั่วไป เช่น ดูภาพยนตร์ เที่ยว เลี้ยงสัตว์ เราก็ใช้ชีวิตแบบพยายามที่จะแบ่งเวลาในช่วงส่วนที่เป็นเวลาทำงานเราก็มีความเต็มที่กับการทำงาน ในช่วงเวลาที่เราพักผ่อนเราต้องรีแลกซ์ เพื่อหาอะไรที่เราสามารถที่จะพักผ่อนร่างกายและจิตใจเพื่อที่จะพร้อมดูแลคนไข้ในแต่ละวัน”
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจเรียนด้านนี้ และการสอบใบประกอบโรคศิลปะไว้ด้วยว่า น้องๆ ที่ในเวลานี้เรามีความฝันที่อยากจะสอบเข้าแพทย์ ผมเชื่อว่าในช่วงเวลาแต่ละช่วงจะใช้เหตุผลที่ต่างกันออกไป ในวัยเด็กเองเราไม่มีทางที่จะสัมผัสการเป็นแพทย์ได้ดีเท่ากับคนที่เรียนจบแล้ว ดังนั้น การที่เรามีความฝันนั่นคือ สิ่งที่เราควรจะมี เรามีเป้าหมายในระหว่างนั้นเราต้องพยายามทำไปให้ถึง เมื่อเราทำถึงจุดหมายของเรา ไม่ว่าจะถึงหรือไม่ถึงก็ตาม เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งเราจะสามารถค้นพบตัวเองได้อีกมากขึ้น เราจะมีทิศทางของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่ว่าตอนเด็กเราคิดว่าเราต้องเป็นแบบนี้ พอโตมาพอเราไม่เป็นแบบที่เราต้องการชีวิตเราจะถึงทางตัน แต่เรายังมีทางให้ไปอีกมากมาย เพราะฉะนั้นการมีความฝันและการตั้งใจทำความฝันของเราให้เป็นจริงคือสิ่งที่ควรทำ แต่เมื่อไรที่ผิดหวังเราก็ยังมีทางอื่นมากมายในชีวิตให้เราก้าวเดินต่อไปได้
สำหรับหมอปัจจุบันที่กำลังจะสอบใบประกอบโรคศิลปะ แนะนำว่าในช่วงเวลาที่เราต้องเตรียมการอ่านหนังสือ อาจจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจในการเตรียมอ่านหนังสือสอบให้มาก หลังจากที่เราอ่านหนังสือสอบเรียบร้อยแล้วก็จะมีความรู้ความสามารถไปดูแลคนไข้ของเราได้อย่างเต็มที่
สุดท้ายหมอเคย์ได้กล่าวถึงความภูมิใจที่เรียนในรั้ว ม.รังสิต ไว้ด้วยว่า “ทุกวินาทีที่ผมยืนอยู่ในปัจจุบันผมเมื่อมองย้อนกลับไปก็รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ผมเป็นมา รวมถึงภูมิใจที่เราได้จบเป็นศิษย์เก่าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีม.รังสิต ในวันนั้นที่ผมได้เข้าไปเรียน ก็คงไม่มีหมอหัวใจคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าสู่การดูแลคนไข้ในอีก 30-40 ปีข้างหน้าในปัจจุบันนั่นเอง ผมคิดว่าผมภูมิใจกับมหาวิทยาลัยรังสิตที่สร้างผมขึ้นมาครับ”
#สำนักข่าวการศึกษาไทย